แนวข้อสอบหลักการแก้ปัญหา (ผังงานฐานข้อมูล, การเขียนโปรแกรม )
1. GUI ย่อมาจาก อะไร
ก. Graph User Icon ข. Graph and Unit Internal
ค. Graphical User Interface ง. Graphical User Icon
ตอบ ค. Graphical User Interface
2. ข้อใด ไม่ใช่ การวิเคราะห์ และกำหนดขอบเขตของปัญหา / งาน
ก. ความต้องการของระบบ
ข. กำหนดองค์ประกอบของโปรแกรม
ค. การรวบรวมข้อมูล
ง. การตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรม
ตอบ ง. การตรวจสอบข้อผิดพลาดจากการเขียน
3. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม
ก. การทดสอบผลลัพธ์ที่ได้จาก Algorithm
ข. การออกแบบข้อมูลนำเข้า
ค. การแบ่งหน้าที่หลักของโปรแกรมออกเป็น Module ต่างๆ
ง. การออกแบบ Algorithm ให้แต่ละ Module
ตอบ ข. การออกแบบข้อมูลนำเข้า
4. Output ต้องกำหนดรายละเอียดอะไรบ้าง
ก. กำหนดวัตถุประสงค์ของโปรแกรมและผลลัพธ์
ข. กำหนดวัตถุประสงค์ของโปรแกรมและปัญหา
ค. กำหนดปัญหาของโปรแกรมและผลลัพธ์
ง. กำหนดปัญหาของโปรแกรมและรายละเอียด
ตอบ ก. กำหนดวัตถุประสงค์ของโปรแกรมและผลลัพธ์
5. Input ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง
ก. Item ข. Data
ค. Output ง. Problem
ตอบ ค. Output
6. ข้อใด ไม่ใช่ กระบวนการรวบรวมข้อมูล
ก. การสังเกต ข. การสัมภาษณ์
ค. แบบสอบถาม ง. การวิเคราะห์
ตอบ ง. การวิเคราะห์
7. ข้อใดคือความหมายของคำว่า Pseudo code
ก. คือการออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม
ข. คือการเขียน Algorithm โดยสัญลักษณ์หรือรูปภาพ เพื่ออธิบายการทำงานของโปรแกรม
แทนข้อความเพื่อสื่อความหมายให้ง่ายและสะดวก
ค. คือการเขียน Algorithm โดยใช่ภาษาอังกฤษที่สื่อความหมายต่างๆ สามารถแปลงเป็น
โปรแกรมได้ง่าย
ง. คือการลงรหัสเพื่อให้โปรแกรมสามารถทำงานได้
ตอบ ข. คือการเขียน Algorithm โดยสัญลักษณ์หรือรูปภาพ เพื่ออธิบายการทำงานของ
โปรแกรม แทนข้อความเพื่อสื่อความหมายให้ง่ายและสะดวก
8. ข้อใดต่อไปนี้ เป็นหน่วยเล็กที่สุด
ก. ตาราง ข. ฐานข้อมูล
ค. แอตทริบิวต์ ง. เรคคอร์ด
ตอบ ง. เรคคอร์ด
9. เอนทิตี้ (Entity) หมายถึง
ก. ชื่อของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจัดเก็บข้อมูลได้
ข. รายละเอียดข้อมูลที่แสดงลักษณะและคุณสมบัติ
ค. ข้อมูลหลายๆส่วนมารวมกัน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ชื่อของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจัดเก็บข้อมูลได้
10. เอนทิตี้และแอตทริบิวต์ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ก.เอนทิตี้จะเป็นส่วนย่อยภายใต้แอตทริบิวต์อีกทีหนึ่ง
ข. เอนทิตี้มีได้มากกว่า 1 เอนทิตี้ ภายใต้แอตทริบิวต์ใดๆ
ค. เอนทิตี้เป็นข้อมูลแสดงลักษณะของแอตทริบิวต์
ง. แอตทริบิวต์เป็นข้อมูลแสดงลักษณะของเอนทิตี้
ตอบ ง. แอตทริบิวต์เป็นข้อมูลแสดงลักษณะของเอนทิตี้
11. ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเอนทิตี้ผู้เขียนกับเอนทิตี้หนังสือเป็นแบบหนึ่งต่อกลุ่ม ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. หนังสือหนึ่งเล่มสามารถมีผู้เขียนร่วมกันหลายคนได้
ข. ผู้เขียนหนึ่งคนเขียนหนังสือได้เพียงเล่มเดียวเท่านั้น
ค. ผู้เขียนหนึ่งคนสามารถเขียนหนังสือได้มากกว่า 1 เล่ม
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. ผู้เขียนหนึ่งคนสามารถเขียนหนังสือได้มากกว่า 1 เล่ม
12. หากกล่าวว่าหนังสือหนึ่งเล่มสามารถมีผู้เขียนหลายคนได้ และผู้เขียนหนึ่งคนก็สามารถเขียนหนังสือได้มากกว่าหนึ่งเล่ม แสดงว่าเอนทิตี้หนังสือมีความสัมพันธ์แบบใด
ก. หนึ่งต่อหนึ่ง ข. หนึ่งต่อกลุ่ม
ค. กลุ่มต่อหนึ่ง ง. กลุ่มต่อกลุ่ม
ตอบ ง. กลุ่มต่อกลุ่ม
13. ผู้เขียนหนึ่งคนสามารถเขียนหนังสือได้เพียงหนึ่งเล่มเท่านั้น และหนังสือต้องมีผู้เขียนเพียงคนเดียว แสดงว่าเอนทิตี้ผู้เขียนและเอนทิตี้หนังสือมีความสัมพันธ์แบบใด
ก. หนึ่งต่อหนึ่ง ข. หนึ่งต่อกลุ่ม
ค. กลุ่มต่อหนึ่ง ง. กลุ่มต่อกลุ่ม
ตอบ ก. หนึ่งต่อหนึ่ง
14. ฟิลต์ในอีกตารางหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับฟิลด์ที่เป็น Primary Key เราเรียกฟิลด์นั้นว่าอะไร
ก. Foreign Key ข. Composite Key
ค. Candidate Key ง. Primary Key
ตอบ ก. Foreign Key
15. ข้อใดเป็นจุดประสงค์ในการออกแบบบานข้อมูล
ก. เพื่อเรียกใช้ข้อมูลในเวลาที่สั้นที่สุด
ข. สามารถกำหนดลักษณะการเข้าถึงข้อมูลได้
ค.ช่วยให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ง่าย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
16. ในการออกแบบฐานข้อมูลนั้น ขั้นตอนใดควรทำเป็นอันดับแรก
ก. กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเอทิตี้ต่างๆ
ข. กำหนดเอทิตี้ทั้งหมดในฐานข้อมูล
ค. กำหนดคีย์หลัก และแอตทริบิวต์ต่างๆ
ง. ทำการ Normalization
ตอบ ข. กำหนดเอทิตี้ทั้งหมดในฐานข้อมูล
17. ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) มีหน้าที่อย่างไร
ก. ดูแลรักษาข้อมูล ข. ติดต่อกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้อมูล
ค. ควบคุมภาวการณ์ใช้ข้อมูลพร้อมกัน ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
18. ข้อใดคือความหมายของคำว่า Flowchart
ก. คือการออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม
ข. คือการเขียน Algorithm โดยใช้สัญลักษณ์หรือรูปภาพ เพื่ออธิบายการทำงานของโปรแกรม
แทนข้อความเพื่อสื่อความหมายให้ง่ายและสะดวก
ค. คือการเขียน Algorithm โดยใช้ภาษาอังกฤษที่สื่อความหมายต่างๆ สามารถแปลงเป็น
โปรแกรมได้ง่าย
ง. คือการลงรหัสเพื่อให้โปรแกรมสามารถทำงานได้
ตอบ ข. คือการเขียน Algorithm โดยใช้สัญลักษณ์หรือรูปภาพ เพื่ออธิบายการทำงานของโปรแกรมแทนข้อความเพื่อสื่อความหมายให้ง่ายและสะดวก
19. สัญลักษณ์ในข้อใดที่สื่อความหมายในการแสดงจุดเริ่มต้น / สิ้นสุด / การหยุดการทำงาน
ก. ข.
ค. ง.
ตอบ ก.
20. สัญลักษณ์ในข้อใดที่สื่อความหมายในการแสดงจุดต่อเนื่องของผังงานเดียวกัน ที่ไม่สะดวกในการใช้เส้นโยงหากันแต่อยู่ในหน้าเดียวกัน
ก. ข.
ค. ง.
ตอบ ค.
21. สัญลักษณ์ในข้อใดที่สื่อความหมายในการแสดงการเปรียบเทียบ / การตัดสินใจเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ก. ข.
![]() |
|||
![]() |
|||
ค. ง.
ตอบ ข.
22. สัญลักษณ์ในข้อใดที่สื่อความหมายในการแสดงผลลัพธ์บนกระดาษทางเครื่องพิมพ์
ก. ข.
![]() |
ค. ง.
ตอบ ง.
23. สัญลักษณ์ในข้อใดที่สื่อความหมายในการแสดงจุดเชื่อมต่อไปหน้าอื่น
ก. ข.
![]() |
![]() |
ค. ง.
ตอบ ข.
24. ข้อใดคือประโยชน์ของการเขียนผังงาน
ก. มีเขียนคำอธิบายการทำงานในแต่ละขั้นตอน ใช้ข้อความที่สั้น ชัดเจน และเข้าใจง่ายโดย
เขียนภายในสัญลักษณ์
ข. พยายามให้เกิดจุดตัดน้อยที่สุด หรืออาจใช้สัญลักษณ์ที่เรียกว่า “จุดต่อ” (Connector) แทน
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
ค. ผังงานที่ดีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด ชัดเจน เข้าใจและติดตามขั้นตอนได้ง่าย
ง. สามารถทำการบำรุงรักษาโปรแกรมได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตอบ ง.สามารถทำการบำรุงรักษาโปรแกรมได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
25. ข้อใดคือความหมายของเชต
ก. การกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับสิ่งที่ต้องการ
ข. การแสดงถึงสิ่งต่างๆ ที่ต้องการศึกษา
ค. ข้อมูลเลขจำนวนนับ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
26. ตัวดำเนินการใด ไม่ใช่ ตัวดำเนินการตรรก
ก. > ข. =
ค. >= ง. !=
ตอบ ข. =
27. การเลือกทำแบบทางเดียวควรใช้คำสั่งใด
ก. if ไม่มี else ข. if แบบมี else
ค. if…else และ switch ง. Switch
ตอบ ก. if ไม่มี else
28. ลูปในภาษาซีประเภทใดที่ทราบจำนวนครั้งในการทำซ้ำแน่นอน
ก. REPEAT ข. FOR
ค. While ง. Do…While
ตอบ ข. FOR
29. ขนาดของตัวแปรอาร์เรย์ขึ้นอยู่กับอะไร
ก. จำนวนเซลล์ของอาร์เรย์ที่ใช้จริง ข. ประเภทข้อมูลของอาร์เรย์
ค. ชื่อตัวแปรอาร์เรย์ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข. ประเภทข้อมูลของอาร์เรย์
30. ตัวแปรอาร์เรย์แบบ 2 มิติต่างจากอาร์เรย์แบบ 1 มิติอย่างไร
ก. การอ้างถึงข้อมูล ข. การเก็บข้อมูล
ค. ขนาดของข้อมูล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
31. การประกาศค่าคงที่จะต้องใช้คำใดนำหน้า
ก. constant ข. const
ค. var const ง. Type
ตอบ ข. const
32. ข้อมูลประเภทใดใช้หน่วยความจำน้อยที่สุด
ก. byte ข. integer
ค. word ง. Longint
ตอบ ก. byte
33. ข้อใด ไม่ใช่ ข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรม
ก. Syntax Error ข. Run-Time Error
ค. Logical Error ง. Pro Error
ตอบ ง. Pro Error
34. ตัวแปรแบบสตริงมีความยามสูงสุดได้กี่ตัว
ก. 128 ตัว ข. 255 ตัว
ข. 127 ตัว ง. 256 ตัว
ตอบ ข. 255 ตัว
35. คำสั่งทำซ้ำจัดว่าเป็นคำสั่งแบบใด
ก. คำสั่งควบคุม ข. คำสั่งเงื่อนไข
ค. คำสั่งเรียกโปรแกรมย่อย ง. คำสั่งจัดการตัวแปร
ตอบ ก. คำสั่งควบคุม
36. ข้อมูลชนิดเราคาร์ดเป็นข้อมูลประเภทใด
ก. ข้อมูลเดี่ยว ข. ข้อมูลกลุ่ม
ค. ข้อมูลเชิงลำดับ ง. ข้อมูลจริง
ตอบ ข. ข้อมูลกลุ่ม
37. ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างอาร์เรย์กับเรคอร์ดคืออะไร
ก. กฎการตั้งชื่อ ข. จำนวนข้อมูลภายใน
ค. ประเภทของข้อมูลภายใน ง. จำนวนตัวแปรย่อยภายใน
ตอบ ค. ประเภทของข้อมูลภายใน
38. ข้อมูลย่อยภายในเรคอร์ดเรียกว่าอะไร
ก. ฟิลด์ ข. เซล
ค. อินเด็กซ์ ง. ชิ้น
ตอบ ก. ฟิลด์
39. ข้อมูลประเภทสตริง คืออะไร
ก. รหัสแอสกีหลายๆ ตัวมาต่อเรียงกัน ข. ตัวอักขระหลายๆตัวมาต่อเรียงกัน
ค. ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ติดกันเป็นชุด ง. ตัวอักษรติดๆกันไม่มีที่ว่าง
ตอบ ก. รหัสแอสกีหลายๆ ตัวมาต่อเรียงกัน
40. ถ้าหากมีตัวดำเนินการหลายตัวอยู่ในนิพจน์ ตำดำเนินการใดมีความสำคัญสูงสุด
ก. MOD ข. ( )
ค. DIV ง. *
ตอบ ก. MOD
41. หลักการตั้งชื่อไม่สามารถใช้สัญลักษณ์ในข้อใด
ก. ?, ฿ , &, # ข. a,b,c,d,….,z
ค. ก, ข. ค, ง,.....,ฮ ง. *…….*
ตอบ ก. ?, ฿ , &, #
42. ข้อใดไม่ใช่ข้อมูลประเภทจำนวนเต็ม
ก. Long ข. Byte
ค. Boolean ง. Single
ตอบ ง. Single
43. ข้อมูลชนิดที่มีการเก็บหรือช่วงข้อมูลระหว่าง 0 ถึง 255
ก. Long ข. Byte
ค. Boolean ง. Single
ตอบ ข. Byte
44. ข้อมูลชนิดใดมีการเก็บค่า 0 และ -1 ซึ่งแทน False หรือ True
ก. Long ข. Byte
ค. Boolean ง. Single
ตอบ ค. Boolean
45. ข้อใดคือการทำงานแบบเรียงลำดับ ( Sequeence Structure)
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมจากคำสั่งหนึ่งไปยังอีกคำสั่งหนึ่งตามลำดับเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
ข. เป็นการเขียนโปรแกรมที่แสดงการเลือกอย่างน้อย คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทางโดยจะมี
คำสั่งรอไว้เพียงทางเลือกเดียว
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไข คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทาง
โดยใช้คำสั่งรอไว้ทั้งสองทางเลือก
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ตอบ ก. เป็นการเขียนโปรแกรมจากคำสั่งหนึ่งไปยังอีกคำสั่งหนึ่งตามลำดับเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
46. ข้อใดคือการทำงานแบบทางเลือก IF
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมจากคำสั่งหนึ่งไปยังอีกคำสั่งหนึ่งตามลำดับเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
ข. เป็นการเขียนโปรแกรมที่แสดงการเลือกอย่างน้อย คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทางโดยจะมี
คำสั่งรอไว้เพียงทางเลือกเดียว
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไข คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทาง
โดยใช้คำสั่งรอไว้ทั้งสองทางเลือก
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ตอบ ข. เป็นการเขียนโปรแกรมที่แสดงการเลือกอย่างน้อย คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทางโดยจะมีคำสั่งรอไว้เพียงทางเลือกเดียว
47. ข้อใดคือการทำงานแบบทางเลือกกรณี IF-Else
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมจากคำสั่งหนึ่งไปยังอีกคำสั่งหนึ่งตามลำดับเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
ข. เป็นการเขียนโปรแกรมที่แสดงการเลือกอย่างน้อย คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทางโดยจะมี
คำสั่งรอไว้เพียงทางเลือกเดียว
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไข คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทาง
โดยใช้คำสั่งรอไว้ทั้งสองทางเลือก
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ตอบ ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไข คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทาง โดยใช้คำสั่งรอไว้ทั้งสองทางเลือก
48. ข้อใดคือการทำงานแบบทางเลือกกรณี Case
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมจากคำสั่งหนึ่งไปยังอีกคำสั่งหนึ่งตามลำดับเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ
ข. เป็นการเขียนโปรแกรมที่แสดงการเลือกอย่างน้อย คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทางโดยจะมี
คำสั่งรอไว้เพียงทางเลือกเดียว
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไข คือ เลือกแบบมีทางออก 2 ทาง
โดยใช้คำสั่งรอไว้ทั้งสองทางเลือก
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ตอบ ง. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
49. ข้อใดคือการทำงานแบบ Do….While หมายถึง
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นจริง
ข.เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ จนครบจำนวน
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นเท็จ และจะทำคำสั่ง 1 รอบ
ก่อนตรวจสอบเงื่อนไข
ตอบ ก. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นจริง
50. ข้อใดคือการทำงานแบบ Do…Untill
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นจริง
ข.เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ จนครบจำนวน
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นเท็จ และจะทำคำสั่ง 1 รอบ
ก่อนตรวจสอบเงื่อนไข
ตอบ ง. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นเท็จ และจะทำคำสั่ง 1 รอบ ก่อนตรวจสอบเงื่อนไข
51. ข้อใดคือการทำงานแบบ While…Wend
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นจริง
ข.เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ จนครบจำนวน
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นเท็จ และจะทำคำสั่ง 1 รอบ
ก่อนตรวจสอบเงื่อนไข
ตอบ ก. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นจริง
52. ข้อใดคือการทกำงานแบบ For Next
ก. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นจริง
ข.เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ จนครบจำนวน
ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่ต้องตัดสินใจหรือเลือกเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้
เงื่อนไขหลายๆ ขั้น
ง. เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ ภายใต้เงื่อนไขเป็นเท็จ และจะทำคำสั่ง 1 รอบ
ก่อนตรวจสอบเงื่อนไข
ตอบ ข.เป็นการเขียนโปรแกรมซ้ำ ( loop ) ไปเรื่อยๆ จนครบจำนวน
53. ถ้าต้องการเขียนโปรแกรมคำนวณค่าจอดรถ โดยทำการรับค่าแลคำนวณค่าจอดรถ ถ้าจอดรถุมากกว่า 2 ชม. คิด ชม.ละ 15 บาท ( เศษ ชม. ปัดขึ้น) หลังจากนั้นพิมพ์ค่าจอดรถ ควรใช้รูปแบบการควบคุมการทำงานของโปรแกรมแบบใดจึงจะดีที่สุด
ก. ทางเลือกกรณี IF ข. แบบ For Next
ค. แบบทางเลือกกรณี Case ง. แบบ While….Wend
ตอบ ก. ทางเลือกกรณี IF
54. ถ้าต้องการเขียนโปรแกรมคำนวณค่า n! โดยทำการรับค่าและคำนวณค่า n! ทำได้โดยการรวมรอบเพื่อตรวจสอบว่าคำนวณครบตามจำนวน n! หรือยัง ถ้ายังก็จะต้องวนรอบคำนวณจนกว่าจะครบถ้าครบแล้วให้พิมพ์ค่า n! ควรใช้รูปแบบการควบคุมการทำงานของโปรแกรมใดจึงจะดีที่สุด
ก. ทางเลือกกรณี IF ข. แบบเรียงลำดับ
ค. แบบทางเลือกกรณี Case ง. แบบ Do…Until
ตอบ ง. แบบ Do…Until
55. เมื่อต้องการพัฒนาโปรแกรมจะต้องทำสิ่งใดก่อน
ก. วิเคราะห์ปัญหา ข. เขียนชูโดโค้ด
ค. เขียนโปรแกรม ง. เลือกภาษาที่ต้องการเข
ตอบ ก. วิเคราะห์ปัญหา