แนวข้อสอบจริยธรรมการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน
1. จรรยาบรรณและความรับผิดชอบในวิชาชีพการตรวจสอบภายในและมาตรฐานทางคุณธรรมจริยธรรมนั้น
มีขอบเขตการใช้เพียงใด
ก. ใช้กับผู้ตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อตรวจสอบมาตรฐานของข้าราชการ
ทั่วประเทศ
ข. ใช้กับข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อตรวจสอบมาตรฐานการทำงานของคณะรัฐมนตรี
ค. ใช้กับเจ้าหน้าที่และข้าราชการทุกคน ทุกคณะที่เกี่ยวข้องของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
เพื่อประเมินคุณภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการ
ง. ใช้กับเจ้าหน้าที่และข้าราชการทุกคน ทุกคณะที่เกี่ยวข้องของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อประเมินคุณภาพการปฏิบัติงานของคณะรัฐบาล
ตอบ ค.
2. คำว่า “ธรรมัตตาภิบาล” หมายถึงอะไร
ก. การควบคุมและปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของระบบบริหารปกครองและสังคมที่ดี ตามระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรี
ข. การควบคุมและปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของระบบบริหารปกครองและสังคมที่ดีตามหลักคำสอนทาง
พระพุทธศาสนา
ค. การควบคุมดูแลกรอบการบริหารประเทศและสังคมอย่างมีความเป็นธรรม
ง. การบริหารบ้านเมืองและประเทศชาติโดยใช้หลักนิติรัฐ
ตอบ ก.
3. ใครบ้างเป็นผู้ใช้ผลตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ก. รัฐสภา ข. รัฐบาล
ค. นักวิชาการ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
4. ข้อใดไม่ใช่จรรยาบรรณและความรับผิดชอบในวิชาชีพการตรวจเงินแผ่นดิน
ก. มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต
ข. มีอิสระ รักษาประโยชน์ของประชาชน
ค. ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ใช้ผลงานอย่างเคร่งครัด
ง. ต้องดำเนินการตามหลักธรรมัตตาภิบาล
ตอบ ค.
5. ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมส่วนบุคคล
ก. ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ซื่อสัตย์สุจริต ถือประโยชน์ส่วนรวมเหนือ
ประโยชน์ส่วนตัว
ข. ต้องประพฤติตนอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ประพฤติตนในทางเสื่อมเสีย ผิดศีลธรรม และจารีตประเพณี
ค. ต้องทำการตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขหน่วยงานรับตรวจ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข.
6. ข้อใดเป็นความประพฤติตนที่ไม่เหมาะสมสำหรับหน้าที่ผู้ตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ก. แต่งเครื่องแบบข้าราชการเข้าไปในร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารเย็น
ข. รับของขวัญเป็นรถยนต์จากผู้รับตรวจ
ค. ชวนเพื่อนมาดื่มเหล้าที่บ้าน
ง. ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
ตอบ ข.
7. ความระมัดระวังรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพควรเป็นอย่างไร
ก. มีการวางแผนงานตรวจสอบก่อนนำไปปฏิบัติ
ข. ต้องมีความรู้ความสามารถในด้านการตรวจสอบที่ตนรับผิดชอบอย่างเพียงพอ
ค. ต้องทำงานอย่างเต็มความสามารถด้วยความขยันขันแข็ง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
8. ข้อใดบุคลากรในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสามารถกระทำได้
ก. เสนอความลับของหน่วยงานที่รับตรวจ
ข. ยืมเงินจากผู้รับตรวจ
ค. มีอิสระในการเสนอข้อเท็จจริงอันเป็นสาระที่ได้จากการตรวจสอบ
ง. ขอรับบริจาคจากหน่วยรับตรวจ
ตอบ ค.
9. ในการรักษาความซื่อสัตย์สุจริตผู้ตรวจสอบควรมีหลักการใดบ้าง
ก. หลักความเป็นอิสระ หลักการของจุดยืนวิชาชีพ
ข. หลักนิติรัฐ หลักการของจุดยืนวิชาชีพ
ค. หลักธรรมัตติบาล หลักการของความระมัดระวังรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ
ง. หลักจารีตประเพณี หลักสุจริต
ตอบ. ก.
10. ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด
ก. ผู้ตรวจสอบไม่อาจล่วงละเมิดความลับของหน่วยรับตรวจได้ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามที่
กฎหมายกำหนด
ก. ผู้ตรวจสอบสามารถเสพสุราและของมึนเมาในสถานที่ราชการได้ทุกกรณี หากเป็นการทำ
นอกเวลาราชการ
ค. ผู้รับตรวจสามารถจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ผู้ตรวจสอบเพื่อตอบแทนการตรวจสอบนั้นได้
ง. ผู้ตรวจสอบสามารถแต่งชุดข้าราชการเข้าไปตรวจสอบสนามม้านางเลิ้งขณะมีการแข่งขันม้าได้
ตอบ ก.
11. ข้อใดไม่เป็นหน่วยงานของราชการส่วนท้องถิ่น ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วย
การกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใน พ.ศ. 2544
ก. องค์การบริหารราชการส่วนตำบล ข. เมืองพัทยา
ค. กรุงเทพมหานคร ง. อำเภอ
ตอบ ง.
12. หน่วยรับตรวจต้องจัดวางระบบการควบคุมภายในโดยใช้มาตรฐานตามระเบียบคณะกรรมการ
ตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใน พ.ศ. 2544 ให้แล้วเสร็จ
ภายในเวลาเท่าใด
ก. 6 เดือน ข. 1 ปี
ค. 2 ปี ง. 10 ปี
ตอบ ข.
13. ข้อใดไม่ใช่ข้อมูลที่ต้องแสดงเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการควบคุมภายใน
ก. ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจและวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานที่สำคัญในระดับหน่วยรับตรวจ
ข. ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการควบคุมเพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการบรรลุ
วัตถุประสงค์
ค. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับผิดชอบประเมินระบบการควบคุมภายใน
ง. ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ เวลาที่ใช้ในการตรวจสอบ
ตอบ ง.
14. หน่วยรับตรวจต้องรายงานความคืบหน้าในการจัดวางระบบการควบคุมภายในต่อผู้กำกับดูแลและ
คณะกรรมการตรวจสอบของหน่วยรับตรวจ (ถ้ามี) ภายในระยะเวลาเท่าใด
ก. ทุก 30 วัน ข. ทุก 60 วัน
ค. ทุก 90 วัน ง. ทุก 120 วัน
ตอบ ข.
15. ผู้รับตรวจต้องรายงานต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้กำกับดูแล และคณะกรรมการตรวจสอบ
เกี่ยวกับการควบคุมภายในอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งภายในกี่วันนับจากวันสิ้นปีงบประมาณหรือปี
แห่งปฏิทิน
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 120 วัน
ตอบ ค.
16. ผู้รับตรวจต้องรายงานครั้งแรกต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้กำกับดูแล และคณะกรรมการตรวจสอบ
เกี่ยวกับการควบคุมภายในระยะเวลาเท่าใดนับจากวันวางระบบการควบคุมภายในแล้วเสร็จ
ก. 100 วัน ข. 120 วัน
ค. 180 วัน ง. 220 วัน
ตอบ ง.
17. ข้อใดไม่ใช่รายละเอียดของรายงาน
ก. ความเห็นเกี่ยวกับการควบคุมภายในของหน่วยรับตรวจที่ใช้อยู่มีมาตรฐานตามระเบียบฯ หรือไม่
ข. รายงานผลการประเมินความเพียงพอของระบบการควบคุมภายในในการบรรลุเป้าหมายที่กำหนด
ค. รายงานผลการประเมินความน่าจะเป็นของระบบการควบคุมภายในในการบรรลุเป้าหมายที่กำหนด
ง. จุดอ่อนของระบบพร้อมข้อเสนอแนะ
ตอบ ค.
18. กรณีใดบ้างที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินสามารถเสนอข้อสังเกตและความเห็นให้ผู้บังคับบัญชา
ของหน่วยรับตรวจได้
ก. หน่วยรับตรวจมีเจตนาหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบโดยมีเหตุผลสมควร
ข. หน่วยรับตรวจไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีเหตุผลอันสมควร
ค. หน่วยรับตรวจมีเจตนาหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบโดยไม่มีเหตุผลสมควร
ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ค.
ตอบ ง.
19. หากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้เสนอความเห็นพร้อมข้อสังเกตไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดของหน่วยรับ
ตรวจแล้ว ก็ยังมีการเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคณะกรรมการฯ ต้องรายงานต่อไปยังหน่วยงานใดก่อน
ก. ประธานรัฐสภา
ข. คณะกรรมาธิการรัฐสภา
ค. คณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐสภา
ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ก.
20. เหตุใดจึงต้องมีระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใน
พ.ศ. 2544
ก. เพื่อให้หน่วยรับตรวจมีแนวทางในการจัดระบบการควบคุมภายในให้มีประสิทธิภาพ
ข. เพื่อให้ง่ายต่อการกำหนดงบประมาณรายจ่ายสำหรับหน่วยรับตรวจ
ค. เพื่อให้สามารถควบคุมการดำเนินงานอันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
21. “INTOSAI” เกี่ยวข้องอย่างไรกับการตรวจเงินแผ่นดิน
ก. เป็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุมภายในของสถาบันการตรวจเงินแผ่นดิน
ระหว่างประเทศ
ข. เป็นรายงานของคณะกรรมการร่วมของสถาบันวิชาชีพ 5 แห่ง
ค. เป็นรายงานผลการประเมินความเพียงพอและประสิทธิผลของระบบการควบคุมภายใน
ง. เป็นระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใน
ตอบ ก.
22. “INTOSAI” ย่อมาจากอะไร
ก. Inter Nations Training of Supreme Audit Institutions
ข. Inter National Organization of Supreme Assessment Institutions
ค. Inter Nations Training of Supreme Assessment Institutions
ง. International Organization of Supreme Assessment Institutions
ตอบ ข.
23. ข้อใดเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการควบคุมภายใน
ก. เกิดขึ้นโดยบุคลากรของหน่วยรับตรวจเอง
ข. เกิดขึ้นโดยบุคลากรของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ค. เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในกรณีพิเศษ ไม่ต่อเนื่อง
ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ก.
24. ข้อใดเป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง
ก. การควบคุมภายในเป็นสิ่งที่ถูกต้อง กระทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มิใช่เป็นผลสุดท้ายของการกระทำ
ข. ฝ่ายบริหารไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องในการจัดระบบการควบคุมภายใน
ค. แม้การควบคุมภายในจะอออกแบบไว้ดีเพียงใดก็ไม่สามารถให้ความมั่นใจว่าจะทำให้การดำเนินงาน
บรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างสมบูรณ์
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ค.
ตอบ ง.
25. ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการควบคุมภายในที่ทำให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
ก. Compliance Objectives ข. Financial Reporting Objectives
ค. Operation Objective ง. Control Objective
ตอบ ค.
26. ข้อใดคือ Operation Objective
ก. การปฏิบัติงานและการใช้ทรัพยากรของหน่วยรับตรวจให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ข. การจัดทำรายงานทางการเงินที่ใช้ภายในและภายนอกหน่วยรับตรวจให้เป็นไปอย่างถูกต้อง
ค. การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
ของหน่วยรับตรวจ
ง. การปฏิบัติตามนโยบายและวิธีปฏิบัติงานที่หน่วยรับตรวจได้กำหนดขึ้น
ตอบ ก.
27. หลักของการรายงานทางการเงิน (Financial Reporting Objectives) คือข้อใด
ก. ประหยัด เป็นธรรม และฉับไว ข. ถูกต้อง เชื่อถือได้ และทันเวลา
ค. สะดวก ปลอดภัย และถูกต้อง ง. รวดเร็ว ประหยัด และไว้ใจได้
ตอบ ข.
28. คำว่า “สารสนเทศ” อันเป็นองค์ประกอบของมาตรฐานการควบคุมภายใน หมายถึงอย่างไร
ก. ข้อมูลข่าวสารทางการเงินจากแหล่งภายในหน่วยรับตรวจ
ข. ข้อมูลข่าวสารอื่นๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของหน่วยรับตรวจจากแหล่งภายนอก
ค. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค
29. ข้อใดคือองค์ประกอบของมาตรฐานการควบคุมภายใน
ก. การปฏิบัติงานและการใช้ทรัพยากรของหน่วยรับตรวจ การจัดทำรายงานทางการเงิน การประเมิน
ความเสี่ยง การปฏิบัติตามนโยบายและวิธีปฏิบัติงานที่หน่วยรับตรวจกำหนดขึ้น
ข. กิจกรรมควบคุม การประเมินความเสี่ยง การจัดการดูแลทรัพย์สิน การปฏิบัติตามกฎหมาย
การป้องกันการผิดพลาด
ค. สภาพแวดล้อมของการควบคุม การประเมินความเสี่ยง กิจกรรมการควบคุม สารสนเทศ และ
การสื่อสาร รวมทั้งการติดตามและประเมินผล
ง. การป้องกันการผิดพลาด การจัดทำรายงานทางการเงิน สารสนเทศและการสื่อสาร การปฏิบัติตาม
นโยบายของหน่วยรับตรวจ สภาพแวดล้อมของการควบคุม
ตอบ ค.
30. ใครเป็นหน่วยรับตรวจตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐาน
การควบคุมภายใน พ.ศ. 2544
ก. หน่วยงานอื่นใดหรือกิจการที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐที่มีกฎหมายกำหนดให้ สำนักงาน
การตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบ
ข. หน่วยงานราชการส่วนภูมิภาค
ค. หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
31. ข้อใดไม่ได้หมายความถึง “ผู้รับตรวจ”
ก. หัวหน้าส่วนราชการ ข. หัวหน้าหน่วยงาน
ค. ผู้บริหารของหน่วยรับตรวจ ง. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ตอบ ง.
32. “Control Environment” หมายถึงสิ่งใด
ก. ปรัชญาและรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร ข. การสอบทานงาน
ค. การแบ่งแยกหน้าที่งาน ง. สิ่งแวดล้อมในการทำงาน
ตอบ ก.
33. อะไรคือตัวอย่างของกิจกรรมการควบคุม
ก. ปรัชญาและรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร ข. การสอบทานงาน
ค. การแบ่งแยกหน้าที่งาน ง. ถูกทั้งข้อ ข. และ ค.
ตอบ ง.
34. ข้อใดไม่ใช่การติดตามการประเมินผลอันเป็นองค์ประกอบของมาตรฐานการควบคุมภายใน
ก. Ongoing Monitoring ข. Separate Evaluation
ค. Independent Assessment ง. Risk Assessment
ตอบ ง.
35. ในการดำเนินการเกี่ยวกับการติดตามประเมินผล ฝ่ายบริหารต้องจัดให้มีการติดตามประเมินผลในระหว่าง
ปฏิบัติงาน และการประเมินผลในระหว่างปฏิบัติงาน และการประเมินผลเป็นรายครั้งอย่างต่อเนื่อง และ
สม่ำเสมอเพื่อให้ความมั่นใจว่า
ก. ระบบการควบคุมภายในที่วางไว้เพียงพอ และเหมาะสม
ข. ข้อตรวจสอบที่พบจากการตรวจสอบและสอบทานได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างเหมาะสมและทันเวลา
ค. การควบคุมภายในได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
36. การประเมินผลเป็นรายครั้ง มีหลักอย่างไร
ก. ต้องมีการประเมินการควบคุมด้วยตนเอง
ข. ต้องมีการประเมินการควบคุมอย่างเป็นอิสระ
ค. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
37. ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 คำว่า “เงินประจำงวด” หมายถึงอย่างไร
ก. ส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายที่แบ่งสรรให้จ่าย
ข. ส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายที่แบ่งสรรให้กู้
ค. ส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายที่แบ่งสรรให้ก่อหนี้ผูกพันในระยะเวลาหนึ่ง
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ค.
ตอบ ง
38. ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 คำว่า “งบประมาณรายจ่าย” หมายถึงอย่างไร
ก. จำนวนเงินอย่างต่ำที่อนุญาตให้จ่ายหรือให้ก่อหนี้ผูกพันได้
ข. จำนวนเงินอย่างสูงที่อนุญาตให้จ่ายหรือให้ก่อหนี้ผูกพันได้
ค. จำนวนเงินที่แน่นอนสำหรับให้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ข.
39. “งบประมาณรายจ่ายข้ามปี” หมายความว่าอย่างไร
ก. งบประมาณรายจ่ายที่ใช้ได้เกินปีงบประมาณตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่กำหนดไว้
ข. งบประมาณรายจ่ายที่ใช้ได้ในปีงบประมาณตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่กำหนดไว้
ค. งบประมาณรายจ่ายที่ใช้เฉพาะปีงบประมาณตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่กำหนดไว้
ง. งบประมาณรายจ่ายที่ห้ามใช้เกินปีงบประมาณตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่กำหนดไว้
ตอบ ก.
40. คำว่า “ปีงบประมาณ” เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใด
ก. ระยะเวลาตั้งแต่ 1 มกราคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 31 ธันวาคมของปีถัดไป
ข. ระยะเวลาตั้งแต่ 1 เมษายนของปีหนึ่งถึงวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
ค. ระยะเวลาตั้งแต่ 1 ตุลาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 กันยายนของปีถัดไป
ง. ระยะเวลาตั้งแต่ 1 กรกฎาคมของปีหนึ่งถึงวันที่ 30 มิถุนายนของปีถัดไป
ตอบ ค.
41. ข้อใดไม่ใช่ “ส่วนราชการ” ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. กระทรวง ทบวง กรม ข. สำนักนายกรัฐมนตรี
ค. การประปานครหลวง ง. สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
ตอบ ค.
42. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีอำนาจหน้าที่ใดบ้างเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีการ
งบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. เข้าตรวจสมุด บัญชี เอกสาร และหลักฐานต่างๆ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
ข. แถลงงบประมาณต่อรัฐสภา
ค. รายงานการรับจ่ายหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อช่วยราชการ
ง. กู้ยืมเงินเพื่อใช้ในงบประมาณ
ตอบ ก.
43. ผู้ใดมีอำนาจกู้เงินเพื่อใช้สำหรับงบประมาณรายจ่าย
ก. สำนักงบประมาณ ข. สำนักนายกรัฐมนตรี
ค. รัฐสภา ง. กระทรวงการคลัง
ตอบ ง.
44. การกู้เงินตามมาตรา 9 ทวิ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ในปีหนึ่งๆ ต้องไม่เกินเท่าใด
ก. ร้อยละ 20 ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
ข. ร้อยละ 20 ของจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วมา
ค. ร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนต้นเงินกู้
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
45. การกู้เงินวิธีใดที่ไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อน
ก. การออกตั๋วเงินคงคลัง ข. การออกพันธบัตร
ค. การออกตราสารอื่น ง. การทำสัญญากู้
ตอบ ก.
46. ในการเสนองบประมาณ ถ้าประมาณการรายรับประเภทรายได้ตามอำนาจกฎหมายที่มีอยู่แล้วเป็นจำนวน
ต่ำกว่างบประมาณรายจ่ายทั้งสิ้นที่ขอตั้ง จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อรัฐสภา
ก. แถลงวิธีหาเงินส่วนที่ขาดดุลต่อรัฐสภา
ข. แถลงเหตุผลที่ทำให้ประมาณการรายรับประเภทรายได้ต่ำกว่างบประมาณรายจ่าย
ค. ชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง
ง. อธิบายเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลที่จะเสนอขอกู้เพิ่ม
ตอบ ก.
47. ถ้าประมาณการรายรับประเภทรายได้มีจำนวนสูงกว่างบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง จะต้องดำเนินการ
อย่างไรต่อรัฐสภา
ก. ชี้แจงเกี่ยวกับประมาณการรายรับ
ข. แถลงสาระสำคัญของงบประมาณและความสัมพันธ์ระหว่างรายรับและงบประมาณรายจ่ายที่ขอตั้ง
ค. แถลงวิธีการจัดการแก่ส่วนที่เกินดุลย์ในทางที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ง. รายงานการรับจ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อช่วยราชการ
ตอบ ค.
48. ในการออกพันธบัตรรัฐบาล กระทรวงการคลังไม่ต้องประกาศสิ่งใดในราชกิจจานุเบกษา
ก. อัตราดอกเบี้ย ข. ระยะเวลากู้
ค. จำนวนเงินที่จะกู้ ง. ชื่อผู้ซื้อพันธบัตร
ตอบ ง.
49. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ก. ให้ส่วนราชการเสนอประมาณรายรับและรายจ่าย
ข. ฟ้องคดีส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการทุจริตงบประมาณ
ค. วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของรัฐวิสาหกิจ
ง. กำหนดเพิ่มหรือลดเงินประจำงวด
ตอบ ข.
50. ข้อใดหมายถึงเงินทดรองราชการ
ก. เงินที่กระทรวงการคลังจ่ายและอนุญาตให้ส่วนราชการมีไว้เพื่อทดรองให้ข้าราชการกู้ยืม
ข. เงินที่กระทรวงการคลังจ่ายให้ส่วนราชการเพื่อไว้จัดทำงบประมาณรายจ่าย
ค. เงินที่กระทรวงการคลังจ่ายและอนุญาตให้ส่วนราชการมีไว้ตามสมควรเพื่อทดรองเป็นค่าใช้จ่าย
ตามระเบียบหรือข้อบังคับของกระทรวงการคลัง
ง. เงินที่กระทรวงการคลังจ่ายให้ส่วนราชการจัดทำงบประมาณรายรับเพื่อจัดสรรให้พอต่อเป็นรายจ่าย
ตอบ ค.
51. ข้อใดไม่ใช่ “รัฐวิสาหกิจ” ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละ 50
ข. บริษัทที่ส่วนราชการและองค์การของรัฐบาลมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละ 50
ค. บริษัทที่ส่วนราชการมีทุนรวมอยู่ด้วยร้อยละ 80
ง. หน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ
ตอบ ค.
52. “เงินทุนสำรองจ่าย” ซึ่งรัฐมนตรีจ่ายจากคลังนั้นมีจำนวนเท่าใด
ก. 10 ล้านบาท
ข. 100 ล้านบาท
ค. 1,000 ล้านบาท
ง. 10,000 ล้านบาท
ตอบ ข.
53. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ “เงินทุนสำรองจ่าย”
ก. นำไปจ่ายได้ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการแผ่นดิน
ข. เมื่อจะใช้จ่ายต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ค. เมื่อได้จ่ายไปแล้วให้ขอตั้งรายจ่ายชดใช้เพื่อสมทบเงินทุนนั้นไว้จ่ายต่อไป
ง. เงินทุนสำรองจ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาท
ตอบ ข.
54. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณต้องเสนองบประมาณประจำปีต่อใครเป็นลำดับแรก
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. รัฐสภา
ตอบ ค.
55. การเสนองบประมาณประจำปีต่อรัฐสภานั้นต้องกระทำภายในระยะเวลาเท่าใดก่อนวันเริ่มปีงบประมาณนั้น
ก. อย่างน้อยหนึ่งเดือน ข. อย่างน้อยสองเดือน
ค. อย่างน้อยสามเดือน ง. อย่างน้อยหกเดือน
ตอบ ข.
56. หากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีออกใช้ไม่ทันปีงบประมาณใหม่จะทำวิธีใดเพื่อให้
ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจสามารถใช้จ่ายเงินได้
ก. ให้ออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายก่อน
ข. ให้ใช้เงินทุนสำรองจ่ายไปพลางก่อน
ค. ให้ใช้เงินทดรองราชการที่กระทรวงการคลังจ่ายให้ส่วนราชการทดรองเป็นค่าใช้จ่าย
ง. ให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงแล้วไปพลางก่อน
ตอบ ง.
57. ในกรณีจำเป็นจะต้องจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ประจำปี จะต้องดำเนินการอย่างไรเป็นสิ่งแรก
ก. แสดงที่มาของเงินที่พึงได้มาสำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่าย
ข. ให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว
ค. ให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมรัฐสภา
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
58. รายจ่ายที่กำหนดไว้สำหรับส่วนราชการใดตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีสามารถโอน
ไปใช้สำหรับส่วนราชการอื่นได้หรือไม่
ก. ไม่ได้ เพราะรายจ่ายของส่วนราชการใดก็ต้องเป็นของส่วนราชการนั้นตามพระราชบัญญัติ
ข. ได้ โดยทำเป็นพระราชกฤษฎีกาให้โอนหรือนำไปใช้
ค. ได้ ในกรณีมีการรวมหรือโอนส่วนราชการเข้าด้วยกันโดยพระราชกฤษฎีกา
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
59. ใครมีอำนาจจัดสรรรายจ่ายรายการต่างๆ ที่กำหนดไว้ในงบกลางให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่าย
ก. รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
ข. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ค. คณะรัฐมนตรี
ง. รัฐสภา
ตอบ ข.
60. ในกรณีจำเป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณจะสามารถขออนุมัติให้โอนรายจ่ายงบกลางรายการใด
รายการหนึ่งไปเพิ่มรายการอื่นๆ ในงบเดียวกันได้ โดยขออนุมัติจากผู้ใด
ก. รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. รัฐสภา
ตอบ ค.
61. รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่นิติบุคคล สามารถกู้ยืมเงินเพื่อใช้ดำเนินกิจการได้หรือไม่ อย่างไร
ก. ได้ หากเป็นกรณีกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน ซึ่งต้องเสนอแผนงานลงทุนให้คณะกรรมการบริหารสภา
พัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติพิจารณาก่อน
ข. ได้ โดยไม่จำกัดจำนวน หากได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีและผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ค. ได้โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดมีอำนาจกู้ยืมได้ทุกกรณี
ง. ไม่สามารถกู้ยืมเงินได้เลย
ตอบ ก.
62. ในกรณีรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่นิติบุคคลจะกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน ต้องเสนอแผนงานลงทุนให้ผู้ใด
พิจารณาก่อน
ก. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ง. คณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ
ตอบ ง.
63. หากรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่นิติบุคคลต้องการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ดำเนินกิจการเป็นเงิน 10,000,000 บาท
จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ใด
ก. รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ ข. คณะรัฐมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี ง. รัฐสภา
ตอบ ข.
64. หากรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่นิติบุคคลต้องการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ดำเนินกิจการเป็นเงิน 5,000,000 บาท
จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ใด
ก. รัฐมนตรีเจ้าสังกัด และนายกรัฐมนตรี
ข. คณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการบริหารสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ
ง. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
ตอบ ง.
65. เมื่อรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่นิติบุคคลกู้ยืมเงิน เงินที่ได้จากการกู้นั้นสามารถนำไปให้รัฐวิสาหกิจใช้จ่ายได้เลย
หรือไม่ เพราะเหตุใด
ก. ไม่ได้ ต้องนำส่งคลังก่อนทุกครั้ง
ข. ไม่ได้ ต้องนำส่งให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณก่อนทุกครั้ง
ค. ได้ โดยไม่ต้องนำส่งคลังหากเป็นการนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์
ง. ได้ หากเป็นเงินกู้จำนวนไม่เกิน 5,000,000 บาท
ตอบ ค.
66. สำนักงบประมาณต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันภายในกี่วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติ
งบประมาณรายจ่ายประจำปีใช้บังคับ
ก. 30 วัน ข. 60 วัน
ค. 90 วัน ง. 180 วัน
ตอบ ข.
67. กรณีที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมใช้
บังคับแล้ว สำนักงบประมาณจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
ก. รวบรวมรายการงบประมาณร่ายจ่าย ซึ่งจะต้องก่อหนี้ผูกพันเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
ข. รวบรวมวงเงินที่คาดว่าจะต้องก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อๆ ไป เสนอให้คณะรัฐมนตรี
พิจารณาอนุมัติ
ค. รวบรวมรายการจำนวนเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
68. เงินที่ส่วนราชการได้รับในข้อใดไม่ต้องนำส่งคลัง
ก. เงินที่ส่วนราชการได้รับเป็นกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย
ข. เงินที่ได้รับชำระตามอำนาจหน้าที่หรือสัญญา
ค. เงินที่ได้รับจากการให้ใช้ทรัพย์สิน
ง. เงินที่มีผู้มอบให้เพื่อให้ส่วนราชการนำใช้จ่ายในกิจการของส่วนราชการนั้น
ตอบ ง.
69. เงินที่ส่วนราชการได้รับในกรณีใดบ้างที่รัฐมนตรีจะอนุญาตให้นำไปใช้จ่ายได้เลยโดยไม่ต้องนำส่งคลัง
ก. เงินที่ได้รับจากการจำหน่ายหุ้นในนิติบุคคลเพื่อนำไปซื้อหุ้นในนิติบุคคลอื่น
ข. เงินที่ได้รับในลักษณะผลพลอยได้จากการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่
ค. เงินที่ได้รับในลักษณะค่าชดใช้ความเสียหายแห่งทรัพย์สิน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
70. การจำหน่ายหุ้นในนิติบุคคลเพื่อนำไปซื้อหุ้นในนิติบุคคลอื่นของส่วนราชการจะต้องดำเนินการให้เป็นไป
ตามข้อกำหนดใด
ก. ระเบียบที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีและผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ข. ระเบียบของกระทรวงการคลังที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ค. ประมวลบัญชีการเงินแผ่นดิน
ง. ข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินคงคลัง
ตอบ ข.
71. เมื่อสิ้นปีงบประมาณรัฐมนตรีจะต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ประกาศรายงานการรับจ่ายเงินประจำปีงบประมาณที่สิ้นสุดนั้นในราชกิจจานุเบกษา
ข. ให้นำรายงานการรับจ่ายเงินประจำปีไปให้สำนักงบประมาณตรวจสอบ
ค. รายงานผลการตรวจสอบโดยตรงไปยังรัฐสภา
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก.
72. เมื่อได้จ่าย “เงินทุนสำรองจ่าย” ไปแล้วต้องดำเนินการอย่างไร
ก. ขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอไปยังรัฐสภา
ข. ให้ขอตั้งรายจ่ายชดใช้เพื่อสมทบเงินทุนนั้นไว้จ่ายต่อไป
ค. ประกาศการใช้จ่ายเงินดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา
ง. รายงานต่อสำนักงบประมาณ
ตอบ ข.
73. ตามปกติการขอเบิกเงินจากคลังตามงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณใดให้กระทำได้แต่เฉพาะ
ภายในปีงบประมาณนั้น มีกรณีใดบ้างที่สามารถขอเบิกได้ไม่เฉพาะในปีงบประมาณนั้น
ก. กรณีเป็นงบประมาณรายจ่ายข้ามปี
ข. กรณีเป็นงบประมาณรายจ่ายที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ
ค. กรณีเป็นงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีให้เบิกเหลื่อมปี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
74. กรณีงบประมาณรายจ่ายที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ หรือที่ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี
ให้เบิกเหลื่อมปี และได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับกาเบิกจ่ายเงินจากคลังนั้น
จะสามารถขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังต่อไปได้อีกภายในกำหนดเวลาเท่าใด
ก. ไม่เกิน 1 เดือนปฏิทินของปีงบประมาณถัดไป
ข. ไม่เกิน 3 เดือนปฏิทินของปีงบประมาณถัดไป
ค. ไม่เกิน 6 เดือนปฏิทินของปีงบประมาณถัดไป
ง. ไม่เกิน 10 เดือนปฏิทินของปีงบประมาณถัดไป
ตอบ ค.
75. กรณีที่เป็นงบประมาณรายจ่ายข้ามปีที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นกำหนดเวลา และได้มีการกันเงินไว้ตาม
ระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง ให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังต่อไปได้อีกนาน เท่าใด
ก. ไม่เกิน 1 เดือนปฏิทิน ข. ไม่เกิน 3 เดือนปฏิทิน
ค. ไม่เกิน 6 เดือนปฏิทิน ง. ไม่เกิน 10 เดือนปฏิทิน
ตอบ ข.
76. ใครมีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการได้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ข. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ค. นายกรัฐมนตรี ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ก.
77. ผู้ใดของส่วนราชการกระทำการก่อหนี้ผูกพันโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้จะต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้าง
ก. รับผิดทางอาญา
ข. รับผิดชดใช้จำนวนเงินที่ส่วนราชการได้ต้องผูกพันจะต้องจ่าย
ค. ผิดทุกข้อ
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
ตอบ ง.
78. เงินรายรับของส่วนราชการประเภทใดที่รัฐมนตรีไม่สามารถอนุญาตให้ส่วนราชการนำไปใช้จ่าย
โดยไม่ต้องนำส่งคลัง
ก. สถานพยาบาล ข. กองสลากกินแบ่งรัฐบาล
ค. กรมประชาสงเคราะห์ ง. สถานศึกษา
ตอบ ข.
79. คำว่า “คลัง” หมายถึงข้อใด
ก. คลังจังหวัด
ข. คลังอำเภอ
ค. บัญชีเงินฝากของกระทรวงการคลังที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
80. ใครมีหน้าที่จัดทำงบประมาณ ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ข. ส่วนราชการ
ค. รัฐวิสาหกิจ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตอบ ก.
81. ข้อใดไม่ใช่วิธีการกู้เงินของกระทรวงการคลัง
ก. ออกตราสาร ข. ออกตั๋วเงินคลัง
ค. ออกพันธบัตรรัฐบาล ง. ออกสลากกินแบ่งรัฐบาล
ตอบ ง.
82. กรณีใดถึงจะสามารถจัดให้มีงบประมาณรายจ่ายข้ามปีได้
ก. คาดว่าจะใช้งบประมาณรายจ่ายไม่เสร็จทันภายในปีงบประมาณนั้น
ข. คาดว่างบประมาณรายจ่ายจะมีมากพอสำหรับใช้ในปีงบประมาณหน้าด้วย
ค. คาดว่าจะมีการจ่ายเงินตามรายการของปีงบประมาณนี้ในปีถัดไป
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ก.
83. ถ้าไม่มีการยื่นงบประมาณประจำปีของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจต่อผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ภายในเวลาที่กำหนดจะมีการตั้งงบประมาณประจำปีได้อย่างไร
ก. ให้งดจัดงบประมาณประจำปีของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่ไม่ยื่นงบประมาณ
ข. ให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณตั้งงบประมาณประจำปีตามที่เห็นสมควร
ค. ให้แจ้งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควร
ง. ให้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควร
ตอบ ข.
84. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายข้ามปี
ก. การตั้งงบประมาณรายจ่ายข้ามปีสามารถทำได้หากมีรายรับเหลือพอ
ข. การตั้งงบประมาณรายจ่ายข้ามปี ตั้งเพื่อให้สามารถใช้จ่ายข้ามปีงบประมาณได้จนกว่าเงินจะหมด
ค. การตั้งงบประมาณรายจ่ายข้ามปีต้องกำหนดเวลาสิ้นสุดไว้ด้วย
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค.
85. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ก. จัดให้มีการประมวลบัญชีการเงินแผ่นดิน
ข. กำหนดและควบคุมระบบบัญชี แบบรายงาน และเอกสารเกี่ยวกับการรับจ่ายเงินและหนี้
ค. กำหนดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินคงคลัง
ง. ตั้งงบประมาณประจำปี
ตอบ ง.
86. “งบกลาง” หมายถึงข้อใด
ก. งบกลางคืองบที่ตั้งไว้เพื่อแยกต่างหากจากงบประมาณรายจ่าย
ข. งบกลางเป็นงบที่ตั้งไว้เพื่อสำรองจ่ายเงินในรายการที่กำหนดเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ค. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
87. การประกาศจำนวนเงินที่กระทรวงการคลังขอกู้ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลา และเงื่อนไขต่างๆ นั้น
ต้องกระทำโดยวิธีใด
ก. ประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ข. ประกาศในแถลงงบประมาณที่รัฐสภา
ค. ประกาศตามกฎกระทรวงการคลัง ง. ประกาศทางหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 3 ฉบับ
ตอบ ก.
88. รายจ่ายชนิดใดที่ให้แยกตั้งไว้เป็นส่วนหนึ่งต่างหากในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ก. รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง ข. รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย
ค. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข. ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
89. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับงบกลาง
ก. งบกลางคืองบที่ตั้งไว้เพื่อแยกต่างหากจากงบประมาณรายจ่าย
ข. งบกลางเป็นงบที่ตั้งไว้เพื่อสำรองจ่ายเงินในรายการที่กำหนดเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ค. งบกลางสามารถจะโอนรายจ่ายรายการใดรายการหนึ่งไปเพิ่มรายการอื่นๆ ในงบเดียวกันได้
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ง.
90. หากต้องการทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจะต้องดำเนินการ
อย่างไรตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ข. แจ้งเรื่องให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทำหน้าที่ตรวจสอบ
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถเรียกให้หน่วยงานนั้นมาเสนอข้อเท็จจริงตามที่เห็นสมควรได้
ง. แจ้งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเพื่อให้จัดการตรวจสอบ
ตอบ ค.
91. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถมอบหมายเจ้าหน้าที่ไปกระทำการใดได้บ้างเพื่อให้สามารถทราบข้อเท็จจริงของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ
ก. มอบหมายให้เข้าตรวจเอกสาร บัญชี และหลักฐานต่างๆ
ข. มอบหมายให้ยึดเอกสาร บัญชี และหลักฐานต่างๆ
ค. ถูกทุกข้อ
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
92. เงินซึ่งส่วนราชการได้รับซึ่งรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่นโดยไม่ต้องนำส่งคลังได้นั้น หมายถึงข้อใด
ก. เงินตามโครงการช่วยเหลือหรือร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศในลักษณะให้เปล่า
ข. เงินที่ส่วนราชการได้รับสืบเนื่องจากโครงการช่วยเหลือหรือร่วมมือจากองค์การสหประชาชาติใน
ลักษณะให้เปล่า
ค. เงินกู้ที่ได้รับจากองค์การระหว่างประเทศ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.
93. บุคคลภายนอกผู้ได้รับประโยชน์จากการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. 2502 นี้ต้องร่วมรับผิดกับผู้กระทำการฝ่าฝืนทุกกรณีหรือไม่อย่างไร
ก. ต้องรับผิดชอบทุกกรณีหากเป็นการรับประโยชน์จากการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนย่อมต้องร่วมรับผิด
ทั้งหมด
ข. ต้องรับผิดเพราะเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องรายรับรายจ่ายของแผ่นดินหากกระทำความผิดต้องรับโทษ
เด็ดขาด
ค. ไม่ทุกกรณี หากแสดงได้ว่าตนทำไปโดยสุจริต ไม่รู้ถึงการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติดังกล่าว
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค.
94. รายงานการรับจ่ายเงินประจำปีงบประมาณเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วให้มีการตรวจสอบอีกครั้งโดยผู้ใด
ก. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ข. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ค. คณะรัฐมนตรี ง. รัฐสภา
ตอบ ข.
95. การกู้เงินของกระทรวงการคลังโดยวิธีออกตั๋วเงินคลังนั้นมีหลักการในการดำเนินการตามข้อกำหนดใด
ก. ตามประกาศกระทรวงการคลัง ข. ตามอนุมัติของคณะรัฐมนตรี
ค. ตามกฎหมายว่าด้วยตั๋วเงินคลัง ง. ตามข้อบังคับของสำนักงบประมาณ
ตอบ ค.
96. ข้อใดไม่ใช่รายการที่อยู่ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. งบกลาง ข. งบประมาณรายจ่ายข้ามปี
ค. งบกำไรขาดทุน ง. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
ตอบ ค..
97. ข้อใดไม่ใช่รายการที่อยู่ในพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. เงินประจำงวด ข. เงินทดรองราชการ
ค. เงินทุนสำรองจ่าย ง. เงินคงคลัง
ตอบ ง.
98. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502
ก. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ข. นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ง. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ตอบ ก.
99. หน่วยงานใดที่ไม่ต้องจัดทำงบประมาณเสนอต่อผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ก. กระทรวงการต่างประเทศ ข. การไฟฟ้านครหลวง
ค. การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ง. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ตอบ ง.
100. ใครมีหน้าที่วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของส่วนราชการ
ก. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ข. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ง. คณะรัฐมนตรี
ตอบ ก.